[Fic KNB]Bad Dream[AoKise] - [Fic KNB]Bad Dream[AoKise] นิยาย [Fic KNB]Bad Dream[AoKise] : Dek-D.com - Writer

    [Fic KNB]Bad Dream[AoKise]

    ฝันร้ายที่ดูราวกับเป็นความจริงนี้เขาคร่ำครวญจนสลบเหมือดไป...เมื่อตื่นมาอีกครั้ง ความฝันนั้น จะเป็นเพียงแค่ฝันร้าย...ใช่ไหมฮะ อาโอมิเนจจิ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,217

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    16

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    24
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 เม.ย. 61 / 22:20 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    title: Bad Dream

    paring: Aomine Daiki x Kise Ryouta

    rate: NC-17(แน่นอนอยู่แล้วว่าตัดฉับๆๆๆ ก็เด็กดีลงเรทไม่ได้นี่นา)

    author: Yuchan

    note: โปรดเข้าใจในความหลุดคาแรคเตอร์ ในเรื่องนี้หนุ่มบาสของเราโตแล้วน้า แต่คีจังก็ยังคงทำงานเป็นนายแบบต่อไป

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      Bad Dream

      หลังจากถ่ายแบบเสร็จเขารีบเร่งเดินตรงกลับบ้านด้วยความเร่งรีบ ในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นมีเรื่องข่าวการฆาตกรรมเกิดขึ้นในระแวกแถวนี้

       

      ด้วยหลังจากการถ่ายแบบที่ต้องถ่ายหลายรอบกว่าจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบอย่างที่ผู้กำกับต้องการ เขาจึงได้กลับบ้านเสียที ด้วยความอ่อนล้าจากการทำงานหน้ากล้องถ่ายรูปและแสงจากสปอตไลท์มามากกว่า 6 ชั่วโมง ทำให้ตัวเขาอยากหลับลงเสียตรงนี้ให้ได้

       

      สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างเพรียวบางสมส่วนจนตัวเขาสั่นสะท้าน แม้ตนจะเล่นกีฬาและร่างกายไม่ได้อ่อนปวกเปียกจนเกินไป แต่ด้วยลมเย็นยามเที่ยงคืนก็ทำเอาตัวเขาเป็นหวัดได้เช่นกัน

       

      “ฮัดเช้ย…นี่มันหนาวเกินไปและฮะ”เขาบ่นพึมพัมกับตัวเองก่อนจะย่างเท้าเข้าไปในซอยบ้านของตนที่ค่อนข้างเปลี่ยว

       

      แกรบ

       

      เสียงที่เหมือนกับมีคนเหยียบใบไม้ดังมาจากที่ไหนสักที่ในมุมมืดที่ตัวเขามองไม่เห็น เขาชะงักกึกเล็กน้อยก่อนจะเรียบจ้ำเท้าให้เร็วขึ้นด้วยคิดว่าคงเป็นสัตว์กลางคืนที่อาศัยอยู่แถวนี้

       

      แกรบ แกรบ

       

      เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งแถมยังรู้สึกว่าสิ่งนั้นมาใกล้กว่าเดิม เขาเหลียวหลังทันทีก่อนจะพบว่าไม่มีอะไรทั้งนั้น…รีบเข้าอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว เขาพยายามไม่สนใจความหวาดกลัวของตน ในใจคิดเรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะปัดความคิดของตนออกอย่างรวดเร็ว…ไม่ใช่หรอก เขาแค่คิดมากไปเองเท่านั้น

       

      แกรบ แกรบ แกรบ แกรบ

       

      เสียงนั้นดังกระชั้นตัวเขาเข้ามาทุกที ๆ เขากวาดสายตาไปทั่วทุกทิศ แต่ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า ภายใต้แสงของโคมไฟเก่าที่อยู่ข้างเสาไฟฟ้า บรรยากาศยามเที่ยงคืนช่วยเสริมให้เสียงนั้นน่าสยดสยองยิ่งกว่าเดิม

       

      วิ่ง…ตัวเขาวิ่งอย่างสุดแรง ราวกับว่าตนย้อนกลับไปในการแข่งวินเทอร์คัพทีทีมของตนจะแพ้ทีมม้ามืดนั่นอีกครั้ง ถ้าตอนนั้นคือความดื้อรัน แม้รู้ว่าไม่อาจชนะได้แล้วแต่ก็ยังอยากจะสู้ต่อ ในเวลาแบบนี้มันคงเป็นความหวาดกลัวราวกับมีเสือ กำลังวิ่งตามอยู่ข้างหลัง

       

      ในที่สุดก็ถึงสักที…สถานที่ ๆ เขาเรียกว่าบ้าน ที่นี่ไม่มีเสียงนั้นมารบกวนแล้วเขาเปิดประตูบ้านเข้าไปอย่างอุ่นใจ โดยลืมไปเสียสนิทว่าประตูบ้านนั้นควรจะต้องล็อกเอาไว้

       

      “อาโอมิเนจจิผมกลับมาแล้วฮะ”เขาเอ่ยท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลที่น่าจะเลิกงานแล้ว

       

      “โอ้ย”เขาคลำหาสวิตซ์ไฟก่อนจะสะดุ้งสุดตัวมือกระแสไฟฟ้าช็อตเข้าที่มืออย่างจัง ด้วยความกลัวโดนช็อดอีกรอบเขาจึงเดินต่อไปเพื่อไปเปิดไฟยังโถงทางเดิน

       

      พรืด

       

      “อูย น้ำอะไรเนี่ย”ขณะใช้มือคลำผนังไปเรื่อย ๆ เขาก็ลื่นล้มลงเพราะดันไปเหยียบของเหลวอะไรสักอย่างเข้า จะว่าโชคดีรึเปล่าก็ไม่รู้ที่มือดันไปเปิดสวิตว์ไฟได้แบบพอดิบพอดีกับหน้าเขาที่ฟาดพื้นอย่างจัง

       

      “อะ อะ อะ”น้ำเสียงของเด็กหนุ่มขาดห้วงไปหมดเมื่อได้เห็นภาพบ้างของตนที่ได้รับแสงสว่างจากหลอดไฟที่เขาเปิด

       

      ที่เปรอะเปื้อนขาของเขาคือของเหลวสีแดงคล้ำสนิมที่ไหลรินมาจากทางที่เขาเดินผ่านมา

       

      สวิตซ์ไฟที่อยู่หน้าบ้านถูกอะไรบางอย่างทุบจนเละเทะ

       

      ไม่ต้องไล่มองไปไหนไกล ต้นน้ำของน้ำสีสนิมนั้นก็อยู่ตรงหน้าเขาไม่ห่างไกลจากสวิตซ์ไฟนั่นสักเท่าไหร่ ใบหน้าของคนที่เขาเห็นนั้นมีดวงตาที่เบิกโพลงเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างนั้น…มีไพ่ตัวตลกน่าสยดสยองปักอยู่…โจ๊กเกอร์ที่ยังคงยกยิ้มแม้ตนเองจะเปรอะเปื้อนเลือดสีแดงฉาน

       

      ลำคอและลำตัวแยกออกจากกัน…ภาพน่าสยดสยองนั้นยังคงปรากฏต่อหน้าเขาตลอด แม้จะกระพริบตากี่ครั้งก็ตามก็ไม่อาจไล่ภาพที่อยู่ตรงหน้าออกไปได้ น้ำตาเอ่อคลอเบ้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้…ไหลรินเป็นสาย หยาดหยดแห่งความเสียใจหยดแล้วหยดเล่าร่วงหล่นลงบนกองเลือดของคนรักของตน

       

      “อาโอมิเนจจิ!!!”

       

      เขาโกนออกมาอย่างไร้ซึ่งสติ ร้องไห้อย่างบ้าคลั่งจนทุกอย่างมืดบอด

       

      ราวกับฝันร้าย…ที่ต้องตื่นมาพบกับความเป็นจริงว่าฝันร้ายนั้นไม่เป็นเพียงแค่ฝัน แต่เป็นความจริงอันแสนโหดร้าย

      .

      .

      .

      เลือดที่อาบนองไหลไม่หยุดราวกับก๊อกน้ำที่รั่ว…ไหลอาบจนย้อมสวนที่เคยเป็นสีเขียวขจีให้กลายเป็นสีโลหิต แม้กระนั้นดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างสวยงามที่ถูกย้อมเป็นสีแดงครั่งยังคงสดสวยท่ามกลางร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ที่ปลูกมัน

       

      พาดหัวข่าวในเช้าวันอาทิตย์คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนั้นถูกฆาตรกรรมเสียเอง…และผู้พบศพนั้นคือคนรักของเจ้าตัวที่ตอนนี้ยังคร่ำครวญอย่างไร้ซึ่งสติ

       

      เฮือก

       

      ภาพที่ปรากฏต่อสายตาคือห้องสอบปากคำห้องเดิมที่เขาเพิ่งเห็นไม่นานมานี้ ด้วยเขาเป็นคนพบศพที่ถูกฆาตรกรรมสยองเลยต้องมาให้การที่กรม ด้วยความเหนื่อยล้าของการทำงานยันเข้าวันใหม่และการพบเห็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนจึงทำให้เขาผล็อยหลับไป

       

      “หึ…คนอย่างนายหลับเป็นกับเขาด้วยรึไง”เสียงเปิดประตูมาพร้อมถ้อยคำจิกกัดของเพื่อนสมัยม.ต้นดังเข้ามา อีกฝ่ายยังคงอยู่ในชุดเครื่องแบบที่เหมือนกับของคนที่ถูกฆ่ารายล่าสุด

       

      “วันนี้วันไหนของสัปดาห์แล้วนะ…อาโอมิเนะ”เขาหันไปถามคนผิวคล้ำที่ถือเอกสารของการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับกาแฟดำในมือ

       

      “วันเสาร์ไง…นายไหวไหมเนี่ย อาคาชิ”คนที่แม้ผิวคล้ำแดดเขาก็ยังสังเกตุเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาเป็นอย่างดีถามอย่างไม่เชื่อหูว่าเป็นสิ่งที่เขาถามหลังจากตื่นขึ้นมา

       

      อาโอมิเนะไม่เชื่อว่าอดีตกัปตันผู้น่าเกรงขามของตนจะมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเสียเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นราชันย์ไร้พ่ายอย่างอาคาชิแต่ก็เจอคนตายต่อหน้าต่อตาแถมสภาพก็เละเทะน่าดู…การที่ยังพูดโต้ตอบกับเขาได้อย่างปกตินี่ก็ไม่เหมือนคนปกติมากอยู่แล้ว จะมีอาการหลงลืมวันก็คงไม่แปลกอะไร

       

      “เปล่าหรอก ว่าแต่วันนี้คิเสะมีถ่ายแบบอีกหรอ”อาคาชิถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะถามเรื่องที่ตนสงสัยเล็กน้อยออกมา คิดกับตัวเองว่าคงจะเป็นแค่ฝันเฉย ๆ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

       

      นายคิดแบบนั้นหรือ

       

      “อา ก็ประมาณนั้นเห็นว่าคงกลับดึกหน่อยละนะ”อาโอมิเนะยกกาแฟขึ้นดื่มขณะที่มีเสียงแทรกเข้ามาในความคิดของตัวเขาเองจนต้องนิ่วหน้าเล็กน้อยจนอีกฝ่ายจับสังเกตุได้

       

      “นึกอะไรออกอีกรึเปล่า”อาโอมิเนะที่เห็นอาการนั้นหันมาถามตัวเขาอย่างจริงจังอย่างไม่เหลือเค้าของคนขี้เกียจเมื่อหลายปีก่อน

       

      “เปล่าหรอก…นายจะกลับแล้วสินะ”เขาว่าพลางลุกขึ้นจากโต๊ะจนทำให้อาโอมิเนะต้องลุกตามอย่างช่วยไม่ได้

       

      “อา ก็นายนึกอะไรไม่ออกแล้วนี่”อาโอมิเนะกล่าวอย่างสบายอารมณ์ทั้งที่ในหัวคงจะคิดเรื่องการจับคนร้ายจนหัวปั่น ขายาวในชุดเครื่องแบบตำรวจจ้ำเร็ว ๆ ออกจากอาคารในขณะที่เขาเดินเอื่อย ๆ เพื่อหาใครบางคนที่ทำงานที่นี่เหมือนกัน

       

      “แหม อาคาชิ…ดูไม่เหมือนคนเพิ่งเจอศพที่ถูกหั่นเละเลยนะ”เสียงติดยียวนกล่าวทักทายเขาตัวตาใต้กรอบแว่นยังคงปิดสนิทริมฝีปากได้รูปส่งยิ้มเป็นเอกลักษณ์มาให้

       

      “ไม่เจอกันนานเลยนะครับ อิมาโยชิซัง…ไม่ทราบว่าคุณจะฟังเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงของผมไหมครับ”เขาเอ่ยทักทายคนที่เขาตามหาก่อนจะบอกจุดประสงค์ของตนไปอ้อม ๆ จนทำให้อีกฝ่ายมุ่นคิ้วแบบสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ไม่ว่าอะไร

       

      “เอาสิ”อิมาโยชิกลับมายิ้มดังเดิมแล้วตอบตกลงแบบไม่คิดอะไร ก่อนที่จะรู้ตัวว่าคิดผิดสุด ๆ ที่ตกลงฟังเรื่องราวของอีกฝ่ายก็เป็นตอนที่ย้อนกลับไปแก้อะไรไม่ได้เสียแล้ว

      .

      .

      .

      “อาโอมิเนจจิ”เขาสะดุ้งเฮือกเรียกชื่อบุคคลที่เป็นคนรักอย่างตื่นตระหนก ทว่าตรงหน้านั้นไม่ใช่ภาพร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่าย แต่เป็นกองถ่ายในตอนบ่าย ๆ ต่างหาก เขาสำรวจชุดตัวเองก่อนจะพบว่ามันเป็นชุดเดิมกับที่เขาเคยถ่ายมาแล้ว

       

      สาเหตุที่เขาเลิกงานดึกเพราะหัวข้อที่ถ่ายแบบนั้นเป็นหัวข้อที่เขาต้องแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ลงไปในภาพถ่าน ซึ่งกว่าตัวเขาจะทำได้ก็เสียเวลาไปนานสองนาน ในตอนนี้เขายังพอนึกความรู้สึกนั้นได้งานถ่านเลยคืบหน้าไปค่อนข้างไว

       

      “คิเสะคุงสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยเป็นอะไรรึเปล่า”คนที่ทำงานหน้ากล้องทักถามเขาอย่างเป็นห่วง เขารีบสั่นหัวทันทีก่อนจะรีบโพสต์ท่าที่ตรงกับความต้องการของผู้กำกับต่อ

       

      ต้องรีบเคลียร์ให้หมดแล้วกลับบ้านไปหาอาโอมิเนจจิ

       

      “หมดแค่นี้ละจ้ะ ทำได้ดีมากเลยนะคิเสะคุง”เลขาที่ถือข้อมูลในการถ่ายแบบครั้งนี้เอ่ยอย่างดีใจด้วยเวลาเพิ่งย่างเข้าช่วงกลางคืนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

       

      “ขอบคุณฮะ ผมไปก่อนนะฮะ”เขาขอบคุณทุกคนย่างรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากกองในทันที เขารีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที ไม่นานนักก็กลับมาถึงปากซอบบ้านของตนเอง

       

      แกรบ

       

      ที่ปากซอยบ้านมีเสียงกรอบแกรบของใบไม้แต่เขาไม่สนใจมันเหมือนกับครั้งแรกอีกต่อไป ตัวเขารีบบังคับขาให้ก้าวไปให้ถึงบ้านเร็วที่สุดก่อนจะเห็นไกล ๆ ว่าไฟหน้าบ้านเขาเปิดอยู่

       

      แกร้ก

       

      เขารีบเปิดประตูอย่างรีบร้อนก่อนจะพบว่ามันล็อกเอาไว้ จนต้องรีบควานหากุญแจและไขเข้าไปในบ้าน โยนของทุกอย่างไว้ที่หน้าบ้านก่อนจะรีบวิ่งออกตามหาคนที่ควรจะอยู่ที่บ้านตอนนี้

       

      “อาโอมิเนจจิ อาโอมิเนจจ อาโอ..โอ้ย”เข้าวิ่งตะโกนชื่ออีกฝ่ายไปทั่วก่อนชนเข้ากับร่างหนาของใครบางคน

       

      “เฮ้อ วิ่งทำไมห้ะ คิเสะ”เสียงบ่นที่มีความหน่าย ๆ อยู่ในน้ำเสียงนั้นทำให้ขอบตาร้องผ่าวอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้เจ็บตรงที่โดนชนจนร้องไห้ออกมาหรอกนะแต่ว่าคิดถึงคนตรงหน้าจนร้องไห้ออกมาต่างหาก

       

      “ฮึก อาโอมิเนจจิ ผมฝันร้ายฮะ…ฝันว่ากลับบ้านมาดึกแล้วอาโอมิเนจจิไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว”เขาร้องไห้ออกมาราวกับเด็กน้อยโผตัวเข้าหาไออุ่นที่คิดถึงมาโดยตลอด ซุกหน้าราวกับต้องการจมลงไปในตัวของอีกฝ่าย

       

      “ไม่เป็นไร คิเสะ…ฉันยังอยู่ตรงนี้”อาโอมิเนะที่เห็นคนรักของตนดูขวัญกระเจิงกว่าปกติลูบหัวปลอบโยนอีกฝ่ายเล็กน้อยก่อนจะพยายามคิดหาวิธีให้คนตรงหน้าลืมฝันร้ายให้ได้

       

      “อาโอมิเนจจิ อื้อ…อื้ม”คิเสะช้อนตามองคนตรงหน้าก่อนจะเรียกชื่ออีกครั้งทำให้คนตัวโตเลิกคิดที่จะปลอบไปในทันที อาโอมิเนะประกบปากของคิเสะในทันทีก่อนจะมอบจูบที่ดูดดื่มให้อย่างขาดสติ

       

      “งั้นมาทำเรื่องอื่นกันเถอะ คิเสะ จะได้รู้ว่านายแค่ฝันร้ายไป”อาโอมิเนะกระซิบเสียงพร่าข้างหูของคิเสะและจัดการยกตัวอีกฝ่ายแบกพาดบ่าไปยังห้องนอน

       

      <ฉับ ฉับ ฉับ>(ตัดจ้า...แล้วก็ต่อ อืมประมาณนี้คงไม่โดนแบนหรอกนะ)


      “อา…ต่อไปที่ห้องน้ำดีไหม”อาโอมิเนะขบกัดหูของคิเสะจนร่างบางส่งเสียงหวานในลำคอให้ได้ยินออกมาก่อนจะพาร่างของคิเสะไปยังห้องน้ำเพื่อเริ่มบทรักอันเร่าร้อนอีกครั้ง

       

      “เดี๋ยวสิฮะ อะ อ๊าาาา”คิเสะพยายามค้านแต่ไม่มีผลอะไร จึงได้แต่เปล่งเสียงหวานให้อีกฝ่ายฟังอย่างต่อเนื่องจนหมดแรงไป

       

      ฝันร้าย…ที่เป็นแค่ฝัน บางทีตัวเขาอาจจะแค่ฝันร้ายไปเองก็ได้

       

      ใครจะรู้…บางทีฆาตกรต่อเนื่องคนนั้นอาจจะมาเห็นบทรักอันเร่าร้อนของเป้าหมายจนล้มเลิกความตั้งใจไปเองก็ได้

       

      …แน่หรือ

       

      “อิมาโยชิซัง เจอไหมครับ”ด้านนอกอาคารที่มีเสียงครางหวานดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ ยังมีบุคคลสองคนกำลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่ในสวน

       

      “ไม่เลย…หมอนั่นวิ่งไปไหนแล้วก็ไม่รู้”ใบหน้าใต้กรอบแว่นนั้นดูจริงจังกว่าทุกที ดวงตาเรียวที่มักชี้ขึ้นกวาดมองไปรอบทิศก่อนที่จะต้องผิดหวังเมื่อไม่เห็นบุคคลที่ประทุษร้ายตน

       

      อิมาโยชิตีหน้าเคร่งเครียด ในมือกำไพ่ไว้แน่น ด้วยความคมกริบของมันผนวกกับความเร็วที่ถูกร่อนมามันก็เกือบปักหัวตนเองไปแล้วถ้าไม่ได้คนอีกคนมาช่วยไว้ทันพอดี

       

      …ไพ่โจ๊กเกอร์ที่แสยะยิ้มภายใต้หน้ากากนั่นสามารถบอกได้ทันที

       

      หน้ากากนั้นยังปิดยังใบหน้าที่แท้จริงของฆาตรกรปริศนาเอาไว้

       

      …นักฆ่าโจ๊กเกอร์ยังคงเต้นรำใต้แสงไฟต่อไป…

       

      To Be Continue or Not?

       

      Writer Talk:

      ถ้ามีใครหลงเข้ามาอ่านแล้วอยากได้ส่วนที่ตัดไปไรต์ลงไว้ใน wordpress น่อ(แปะลิ้งไว้ใน my id นะ) แต่ก็แต่งฉากอย่างว่าครั้งแรกคงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ คือขี้เกียจส่งทางเมลล์ ถ้าอยากได้ทักส่วนตัวมาละกันนะ--;


      สารภาพว่าแต่งไปแต่งมาดันได้คู่อีกคู่มาเฉยเลย…แถมท่าทางจะเป็นแบบอัลตร้าแรร์ด้วย555 มีใครอยากอ่านฟิค ImaAka ไหม คงไม่มีหรอก ไรต์แค่บ้าอยากแต่งไปคนเดียวแน่ ๆ


      ขอบคุณสำหรับคนที่หลงเข้ามาอ่านนะคะ


      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×